Dodge Viper รถที่มีสายเลือดแข่งขันและสามารถใช้เป็นรถแข่งได้ทันทีเพียงแค่เปลี่ยนยาง

Dodge Viper ใครที่มีความชื่นชอบใน รถอเมริกัน ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีกับ ดอดจ์ ไวเปอร์ ซึ่งเป็นของบริษัทดอดจ์ ที่สามารถสร้างชื่อเสียง ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ วี10 และมีสมรรถนะที่สูงมาก และถือว่าเป็นหนึ่งในรถ ของประวัติศาสตร์ยานยนต์อเมริกัน โดยถูกออกแบบมาจาก Mid Front Engine Rear Wheel Drive

จึงทำให้รถนี้มีสายเลือด รถแข่งขันอย่างแท้จริง โดยที่มันสามารถทำให้เป็น รถแข่งได้ทันทีตามที่ต้องการ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นยาง Racing-Slick ซึ่งได้มีการนำ ดอดจ์ ไวเปอร์ ออกแบบให้เป็นรถแข่ง ทั้งในเกมรวมไปถึงภาพยนตร์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้

ดอดจ์ ไวเปอร์ เป็นที่รู้จักอย่างมาก โดยเฉพาะวงการ รถสปอร์ต อเมริกัน และในวงการรถแข่ง โดยที่ดอดจ์ ไวเปอร์ ได้กำเนิดในปี 1989 ในการประชุมใหญ่ของบริษัท และได้มีความคิดเห็นว่า น่าจะผลิตรถสปอร์ตรุ่นใหม่ หลังจากยุค Dodge Charger-Daytona

จนได้มีการออกแบบรถสปอร์ตรุ่นใหม่ โดยการปั้นรูปเป็นรถจำลอง ที่ทำขึ้นมาจากดินเหนียว จากนั้นได้มีการนำเสนอให้ CEO โรเบิร์ตดู และหลังจากที่ โรเบิร์ตได้เห็นรูปปั้นดินเหนียว และได้เห็นสามารถทำตลาดได้ดี จนหลายมาเป็น Dodge Viper ในปัจจุบัน

Dodge Viper รุ่นแรกที่มาพร้อมกับความเร็วและจุดเด่นที่เครื่องยนต์ V10

หลังจากที่ได้มีการตั้งทีม ในการออกแบบ ดอดจ์ ไวเปอร์ รถอเมริกันมีชื่อเสียง เรามาดู ดอดจ์ ไวเปอร์ ที่ออกมาเป็นโฉมแรก ที่รู้จักกันในชื่อ RT 10 โดยรุ่นนี้มีการออกแบบตัวถัง ทึ่เป็นแบบเดียวกับ Targa Top โดยที่มีหลังคาเปิดประทุน และจะเป็นคูเป้ 2 ประตู

โดยมีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์ V10 ของไวเปอร์ ซึ่งเป็นการพัฒนา มาจากเครื่องยนต์ของ ไครส์เลอร์ แอลเอ โดยเป็นเครื่องยนต์ที่ทำมาจาก เหล็กหล่อและลูกสูบนั้น ก็ทำจากโลหะอะลูมิเนียม โดยมีขนาด 8 ลิตร ความแรง 7998 ซีซี และเป็นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

ที่สามารถให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 4600 rpm และแรงบิดสูงสุดถึง 630 นิวตันเมตร ที่ 3600 rpm โดยมีความเร็วสูงสุด 264 km/h ที่มาพร้อมกับสมรรถนะ Mid Engine-Mid Front ที่เป็น รถแข่งอเมริกัน ด้วยการทำความเร็วสูงสุด ในขณะวิ่งแบบซิกแซก โดยที่ไม่ชนกรวยล้ม ด้วยความเร็ว 106 km/h กับรุ่นแรกของ ดอดจ์ ไวเปอร์

Dodge Viper ที่รู้จักกันมนชื่อ GTS ที่ออกมาโดยเน้นไปที่การแข่งขัน

จากรุ่นแรกของ ดอดจ์ ไวเปอร์ มาต่อกันในรุ่นที่ 2 ดอดจ์ ไวเปอร์ ที่รู้จักกันในชื่อ GTS โดยเน้นไปที่การแข่งขัน กับ ไวเปอร์ยอดนิยม โดยที่ GTS จะมีรูปทรงที่คล้ายกับ RT/10 ซึ่งจะต่างกันที่ถังแบบคูเป้ และสามารถเปิดประทุน โดยมีหลังคารถ Bubble เทสูงขึ้น ที่เว้นไว้สำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการ สวมหมวกนิรภัยในขณะแข่งขัน

และในส่วนของเครื่องยนต์ ก็ได้มีกทรออกแบบใหม่ ที่ให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น 49 bhp อีกทั้งยังน้ำหนักที่เบากว่าเดิม 33 kg รวมไปถึงการเปลี่ยนไปใช้แชสซีส์ ที่ตัวถังรถรุ่นนี้ใหม่ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไวเปอร์รุ่นใหม่มีความเบาหว่ารุ่นแรก และในส่วนของความเร็ว สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 0-97 km/h และมีความเร็วที่สูงสุด

ในควอเตอร์ไมล์ 192 km/h อีกทั้งมีความเร็วสูงสุด 301 km/h และมีความเร็วสูงสุด ในขณะรถวิ่งซิกแซก 118.4 km/h และสามารถต้านแรงเหวี่ยง Side Sway สูงสุดขณะหักเลี้ยว ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ Dodge Viper ดีกว่ารุ่นแรกที่ออกมา

Dodge Viper

ดอดจ์ ไวเปอร์ ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยมีรูปทรงที่ดูคมขึ้นจะเป็นอย่างไร?

ดอดจ์ ไวเปอร์ ที่ได้มีการออกแบบใหม่ ในปี 2003-2006 โดยเป็นรุ่นที่ 3 ที่รู้จักกันในชื่อ SRT-10 ในรุ่นนี้ได้รับการออกแบบ ให้มีรูปทรงที่ดูคมขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Blow-Up ที่เปลี่ยนจาก 7998 มาเป็น 8300 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 493 bhp 5,600 rpm

โดยมีแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร และ ยังมีเครื่องยนต์ที่เบาลง 60 kg โดยมีแชสซีส์ที่สามารถ รองรับบอดี่ใหม่ทั้งคัน และยังเบาลงถึง 36 kg โดยที่มีการเริ่มออกขาย ตั้งแต่ในปี 2003 อีกทั้งยังมีการปรับแต่ง Minor Change และในส่วนของภายใน

ก็มีการตกแต่งด้วยโทนสีดำ และขลิบด้ายเย็บหนังสีแดง และมีการตกแต่งสลับกับ กรอบสีเงินใรบริเวณคอนโซล โดยเน้นไปที่ความสปอร์ท ด้วยกรอบสีแดง ในบริเวณแป้นเกียร์ และจะมีเพลทที่ระบุหมายเลข ประจำรถโดยมีตั้งแต่ 1-50 ของ Viper STR10 Final Edition ที่ประดับไว้เพื่อเป็นการบอกถึง ความเป็น Limited ของรถรุ่นนี้โดยเฉพาะกับ รถอเมริกันแรงๆ

ดอดจ์ ไวเปอร์ รุ่นล่าสุดและอาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายของอสรพิษตัวซิ่งจะน่าสนใจเพียงใด?

ดอดจ์ ไวเปอร์ ล่าสุด ที่เปิดตัวมาในปี 2016 และอาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายของ Dodge Viper ACR 2016 ซึ่งเอามาวิ่งบนถนนจริงได้ และถือว่ามีความเร็วที่สุด ในตระกูลของ ดอดจ์ ไวเปอร์ และในส่วนของขุมพลัง ที่มากับเครื่องยนต์ V-10 ด้วยขนาด 8.4 ลิตร

ที่กำลังความแรงถึง 645 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 813 นิวตันเมตร ถือว่าเหมือนกับ ดอดจ์ ไวเปอร์ รุ่นก่อนๆ ด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และเป็รเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ซึ่งได้มีการออกแบบ ในด้านแอโรไดนามิก ที่ทำให้รุ่นนี้มีประสิทธิภาพ ที่ดียิ่งกว่าเดิม

และ ACR Extreme Aero Package ก็ได้มีการออกแบบใหม่ ให้ทำให้มีแรงกด 1 ตัน แม้ที่ความเร็ว 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีสปอยเลอร์หลัง ที่สามารถปรับระดับได้ รวมไปถึงกระโปรงใหม่ และยังสามารถปรับแต่ง ช่วงล่างของด้านหน้ารถ

ไม่ว่าจะเป็นสปิตเตอร์ และไดฟ์วิ่งเพลน ที่เพิ่มแรงกดมากขึ้น จึงทำให้มีคุณสมบัติที่ ยึดเกาะถนน ได้เป็นอย่างดี และหลายชิ้นส่วนอื่นๆของรถ ก็ได้ทำใาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ช่วยในการลดน้ำหนัก

Dodge Charger

เที่ยวเชียงราย

Dodge Viper